แปลมคธเป็นไทย ข้อ ๔๐๑- ข้อ ๔๐๕
๔๐๑. อมฺหากํ สตฺถา มหนฺเตน อุตฺสาเหน
เทวมนุสฺเสหิ กตํ สกฺการํ ทิสวา อานนฺทตฺเถรํ อามนฺตฺวา “โย โข อานนฺท ตาทิเสนปิ สกฺกาเรน ตถาคตํ ปูเชติ,
น โส ปรมาย ปูชาย ตถาคตํ ปูเชติ นาม, โย จ โข
อานนฺท ตถาคเตน ทินฺนํ โอวาทํ กโรติ, โส ปรมาย ปูชาย ตถาคตํ
ปูเชติ นามา’ ติ อาห.
สตฺถา อ. พระศาสดา อมฺหากํ ของเรา ท.
ทิสฺวา ทอดพระเนตรแล้ว สกฺการํ ซึ่งสักการะ เทวมนุสฺเสหิ กตํ อันๆเทวดาและมนุษย์
ท. กระทำแล้ว อุตฺสาเหน โดยความอุตสาหะ ใหญ่ อามนฺเตตฺวา ตรัสเรียกมาแล้ว โย โข
อาทนฺท ฯเปฯ ปูเชติ นาม อิติ ว่า ดังนี้(เลขใน) อานนฺท ดูกรอานท์ โย โข ปุคฺคโล อ.
บุคคลใดแล ปูเชติ ย่อมบูชา ตถาคตํ ซึ่งตถาคต สกฺกาเรน ด้วยสักการะ ตาทิเสนปิ
แม้เช่นนั้น โส ปุคฺคโล อ. บุคคลนั้น ปูเชติ นาม ชื่อว่าย่อมบูชา ตถาคตํ
ซึ่งพระตถาคต ปูชาย ด้วยอันบูชา ปรมาย อย่างยิ่ง น หามิได้, อานนฺท ดูกรอานนท์ จ ส่วนว่า โย โข ปุคฺคโล
อ.บุคคลใดแล กโรติ ย่อมกระทำโอวาทํ ซึ่งโอวาท ตถาคเตน ทินฺนํ
อันๆพระตถาคต ให้แล้ว โส ปุคฺคโล อ. บุคคลนั้น ปูเชติ นาม ชื่อว่าย่อมบูชา ตถาคตํ
ซึ่งพระตถาคต ปูชาย ด้วยอันบูชา ปรมาย อย่างยิ่ง ฯ
๔๐๒. อสฺสุตวโต ภิกฺขเว ปุถุชฺชนสฺส
อุปฺปชฺชติ ลาโภ, โส น อิติ
ปฏิสญฺจิกฺขติ “ อุปปนฺโน โข เม อยํ ลาโภ, โส จ โข อนิจฺโจ ทุกฺโข วิปริณามธมฺโม’ ติ ยถาภูตํ
ปชานาติ.
ภิกฺขเว ดูกรภิกษุ ท. ลาโภ อ. ลาภ
อุปฺปชฺชติ ย่อมเกิดขึ้น ปุถุชฺชนสฺส แก่ภิกษุผู้ปุถุชน อสฺสุตวโต ผู้ไม่สดับอยู่, โส ปุถุชฺขโน อ. ภิกษุปุถุชนนั้น น ปฏิสญฺจิกฺขติ
ย่อมไม่พิจารณาเห็น อุปฺปนฺโน โข ฯเปฯ วิปริณามธมฺโม อิติ ว่าดังนี้ (เลขใน) ลาโภ
อ.ลาภ อยํ นี้ อุปฺปนฺโน โข บังเกิดแล้วแล เม แก่เรา, จ
แต่ว่า โส โข ลาโภ อ.ลาภนั้นแล อนิจฺโจ ไม่เที่ยง ทุกฺโข เป็นทุกข์ วิปริณามธมฺโม
มีความแปรปรวนไปเป็นธรรมดา ฯ
๔๐๓. ปาตลิปุตฺตสฺมึ นคเร สุทสฺสโน
นาม ราชา “ โย สิปฺปํ น ชานาติ,
โส อนฺโธ วิย โหตี’ ติ อิมํ อตฺถํ คเหตฺวา
คีตํ คายนฺตสฺส วจนํ สุตวา อตฺตโน ปุตฺเต สิปฺปํ อชานฺนเต ญตฺวา สํวิคฺคมานโส
หุตฺวา ราชปณฺฑิเต สนฺนิปาเตตฺวา “ โก เม ปุตฺเต สิปฺปํ
สิกฺขาเปตุ สกฺขิสฺสตี’ ติ ปุจฺฉิ. ตํ สุตฺวา อญฺญตโร
ราชปณฺฑิโต “ อหนฺเต เทว ปุตฺเต ฉหิ มาเสหิ สิปฺปํ
ชานาเปสฺสามี’ ติ อาห. โส ตุสิตฺวา ตสฺส นิยฺยาเทสิ.
ราชา อ. พระราชา สุทสฺสโน นาม ชื่อว่า
สุทัสสนะ นคเร ในพระนคร ปาตลิปุตฺตสฺมึ ชื่อว่าปาตลีบุตร สุตฺวา ทรงสดับแล้ว วจนํ
ซึ่งคำ ปุคฺคลสฺส ของบุคคล โย สิปฺปํ ฯเปฯ อิติ อิมํ อตฺถํ คเหตฺวา คีตํ คายนฺตสฺส
ผู้ถือเอาซึ่งเนื้อความนี้ว่า ดังนี้แล้วขับอยู่ ซึ่งเพลงขับ ญตฺวา ทรงทราบแล้ว
ปุตฺเต ซึ่งพระโอรส ท. อตฺตโน ของพระองค์ อชานฺเต ผู้ไม่รู้อยู่ สิปฺปํ ซึ่งศิลปะ
สํวิคฺคมานโส เป็นผู้มีพระหฤทัยอันสลดแล้ว หุตฺวา เป็น ราชปณฺฑิเต ยังราชบัณฑิต ท.
สนฺนิปาเตตฺวา ให้ประชุมกันแล้ว ปุจฺฉิ ตรัสถามแล้ว โก เม ปุตฺเต ฯเปฯ สกฺขิสฺสติ
อิติ ว่าดังนี้(เลขในท่อนบน) โย ปุคฺคโล อ. บุคคลใด น ชานาติ ย่อมไม่รู้ ซึ่งศิลปะ
โส ปุคฺคโล อ. บุคคลนั้น อนฺโธ วิย เป็นผู้ราวกะว่าคนตาบอด โหติ
ย่อมเป็น(เลขในท่อนสอง) โก อ. ใคร สกฺขิสฺสติ จักอาจ เม ปุตฺเต สิปฺปํ สิกฺขาเปตุ
เพื่ออันยังบุตร ท. ของเราให้ศึกษาศิลปะ.ฯ ราชปณฺฑิโต อ. ราชบัณฑิต อญฺญญโร
คนใดคนหนึ่ง สุตฺวา ฟังแล้ว ตํ วจนํ ซึ่งคำนั้น อาห กราบทูลแล้ว อหนฺเต ฯเปฯ
ชานาเปสฺสามิ อิติ ว่าดังนี้ เทว ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ อหํ อ. ข้าพระองค์
ปุตฺเต ยังพระโอรส ท. เต ของพระองค์ ชานาเปสฺสามิ จักให้ทราบ สิปฺปํ ซึ่งศิลปะ
มาเสหิ โดยเดือน ท. หก ฯ โส ราชา อ. พระราชานั้น ตุสิตฺวา ทรงยินดีแล้ว นิยฺยาเทสิ
ทรงมอบให้แล้ว ตสฺส ราชปณฑิตสฺส แก่ราชบัณฑิตนั้นฯ
๔๐๔. ภควา อตฺตโน ปรินิพฺพานํ อารพฺภ
อานนฺทตฺเถรํ อามนฺเตตฺวา “โย
โว อานนฺท มยา เทสิโต ปญฺญตฺโต ธมฺโม จ วินโย จ, โส โว มม
อจฺจเยน สตฺถา’ ติ วตฺวา “หนฺท’ทานิ ภิกฺขเว อามนฺตยามิ โว, วยธมฺมา สงฺขารา,
อปฺปมาเทน สมฺปาเทถา’ ติ, ภิกฺขูนํ โอวาทํ อทาสิ.
ภควา อ. พระผู้มีพระภาค อารพฺภ
ทรงปรารภ ปรินิพฺพานํ ซึ่งการปรินิพพาน อตฺตโน แห่งพระองค์ อามนฺตฺวา
ตรัสเรียกมาแล้ว อานนฺทตฺเถรํ ซึ่งพระเถระชื่อว่าอานนท์ วตฺวา ตรัสแล้ว โย โว
อานฺท ฯเปฯ อจฺจเยน สตฺถา อิติ ว่าดังนี้ อทาสิ ได้ประทานแล้ว โอวาทํ ซึ่งโอวาท
ภิกฺขูนํ แก่ภิกษุ ท. หนฺททานิ ฯเปฯ สมฺปาเทถา อิติ ว่าดังนี้ (เลขในท่อนบน)
อานนฺท ดูกรอานนท์ ธมฺโม จ. อ. พระธรรมด้วย วินโย จ อ. พระวินัยด้วย โย ใด มยา
อันเรา เทสิโต แสดงแล้ว ปญฺญตฺโต บัญญํติแล้ว โว แก่เธอ ท. โส ธมฺมวินโย อ.
พระธรรมและพระวินัยนั้น สตฺถา จักเป็นครู โว ของเธอ ท. อจฺจเยน โดยกาลล่วงไป มม
ของเรา ภวิสฺสติ จักเป็น(เลขในที่ ๒) ภิกฺขเว ดูกร ภิกษุ ท. หนฺท ดังเราตักเตือน
อหํ อ. เรา อามนฺตยามิ ย่อมร้องเรียก โว ซึ่งเธอ ท. อิทานิ ในกาลนี้ สงฺขารา อ.
สังขาร ท. วยธมฺมา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ตุมเห อ. เธอ ท. สมฺปาเทถ จงยังกาลให้ถึงพร้อม
อปฺปมาเทน ด้วยความไม่ประมาท.
๔๐๕. วกฺกลินาม พฺราหฺมโณ อมฺหากํ
สตฺถุ รูปสมปตฺตึ ทิสฺวา ทสฺสเนน อติตฺโตเยว”อิมินา อุปาเยน อหํ นิจฺจกาลํ สตฺถารํ ปสฺสิตุ ลภิสฺสามี’ติ จินฺเตตฺวา ปพฺพชิตฺวา สตถุ สนฺติเกเยว วิจริ. สตฺถา ตํ ปวตฺตึ ญตฺวา “กึ เต วกฺกลิ อิมินา ปูติกาเยน, โยปิ วกฺกลิ นิจฺจํ
มม สงฺฆาฏิกณฺณํ คเหตฺวา วิจรติ, น โส มํ ปสฺสติ นาม,
โย จ โข วกฺกลิ ธมฺมํ ปสฺสติ, โส มํ ปสฺสติ
นามา’ ติ อาห .
พฺราหฺมโณ อ. พราหมณ์ วกฺกลิ
ชื่อว่าวักกลิ ทิสฺวา เห็นแล้ว รูปสมฺปตฺตึ ซึ่งรูปสมบัติ สตฺถุ แห่งพระศาสดา
อมฺหากํ ของเรา ท. ทสฺสเน อติตฺโตเอว เป็นผู้ไม่อิ่มแล้ว ในเพราะอันเห็นนั่นเทียว
หุตฺวา เป็น จินฺเตตฺวา คิดแล้ว อิมินา อุปาเยน ฯปฯ ปสฺสิตุ ลภิสฺสามิ อิติ
ว่าดังนี้ ปพฺพชิตฺวา บวชแล้ว วจริ เที่ยวไปแล้ว สตฺถุ สนฺติเก เอว
ในสำนักของพระศาสดานั่นเทียว(เลขใน) อห็ อ. เรา ลภิสฺสามิ จักได้ ปสฺสิตุ
เพื่ออันเห็น สตฺถารํ ซึ่งพระศาสดา นิจฺจกาลํ ตลอดกาลเป็นนิตย์ อุปาเยน โดยอุบาย
อิมินา นี้ฯ สตฺถา อ. พระศาสดา ญตฺวา ทรงทราบแล้ว ปวตฺตึ ซึ่งเรื่องอันเป็นไปทั่ว
ตํ นั้น อาห ตรัสแล้ว กึ เต วกฺกลิ ฯเปฯ ปสฺสติ นาม อิติ ว่าดังนี้ (เลขใน) วกฺกลิ
ดูกรวักกลิ กึ ปโยชนํ อ. ประโยชน์อะไร ปูติกาเยน ด้วยกายอันเปื่อยเน่า อิมินา นี้
เต แก่เธอ วกฺกลิ ดูกรวักกลิ โย ปิ ปุคฺคโล อ. บุคคลแม้ใด คเหตฺวา จับแล้ว
สงฺฆาฏิกณฺณํ ซึ่งมุมแห่งผ้าสังฆาฎิ มม ของเรา วิจริ ย่อมเที่ยวไป นิจฺจํ
เป็นนิตย์ โส ปุคฺคโล อ.บุคคลนั้น น ปสฺสติ นาม ชื่อว่าย่อมไม่เห็น มํ ซึ่งเรา
วักกลิ ดูกรวักกลิ จ ส่วนว่า โย โข ปุคฺคโล อ. บุคคลใดแล ปสฺสติ ย่อมเห็น ธมฺมํ
ซึ่งธรรม โส ปุคฺคโล อ. บุคคลนั้น ปสฺสติ นาม ชื่อว่าเห็น มํ ซึ่งเรา ฯ

No comments:
Post a Comment